วันศุกร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2561


5-1-61

"สุดท้ายนี้พี่น้องทั้งหลาย ขอจงใคร่ครวญดูสิ่งเหล่านี้คือ สิ่งที่เป็นจริง สิ่งที่น่านับถือ สิ่งที่ยุติธรรม สิ่งที่บริสุทธิ์ สิ่งที่น่ารัก สิ่งที่ควรแก่การสรรเสริญ รวมทั้งถ้ามีสิ่งใดยอดเยี่ยม สิ่งใดที่น่ายกย่อง" (ฟป.4:8)

สิ่งที่ควรคิดนะมีแน่ แต่มิใช่ 'การคิดเย่อะ' และ 'การคิดมาก' เพราะผู้เชื่อมีพระวิญญาณฯที่สามารถวินิจฉัยสิ่งสารพัดได้ (1คร.2:14-15) ไม่ว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นเขามีสติ ไม่โวยวาย ไม่ส่งเสียงดังริมทางถนน แต่เขาสงบใจที่จะอธิษฐาน (อสย.42:2, 1ปต.4:7)

มีเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้น จะดีหรือไม่ดีไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ผลลัพธ์แต่ขึ้นอยู่กับเราคิดอย่างไร?
คนเรามัก 'ถูกใจ' หากผลลัพธ์มันดี
แต่เรา 'แกร่ง' ขึ้นเพราะผลลัพธ์ที่ไม่ดี
คริสเตียนเชื่อในพระสัญญา "เหตุการณ์ทุกอย่างร่วมกันก่อผลดีแก่คนที่รักพระองค์" (รม.8:28)

เราจะคิดดีได้ขึ้นอยู่กับว่าเราสะสมสิ่งใดไว้ภายในจิตใจตนเอง คลังชีวิตเรามีอะไร? "คนดีย่อมเอาสิ่งดีออกจากคลังดีในจิตใจของตน และคนชั่วย่อมเอาสิ่งชั่วออกจากคลังชั่วในจิตใจของตน เพราะว่าปากย่อมพูดสิ่งที่เต็มล้นอยู่ในจิตใจ" (ลก.6:45) และดาวิดสามารถรับมือกับทุกสถานการณ์ได้ ทั้งเมื่อถูกลืม ถูกมองข้าม ถูกใส่ร้ายทั้งๆที่ไม่ผิด ถูกแย่งชิงสิ่งที่รัก ถูกโยนให้รับผิดคนเดียว ถูกตามล่า ถูกทรยศ [ลูกชิงบัลลังก์] ทนดูลูกตายต่อหน้า ฯลฯ แต่ดาวิดยังสามารถสรรเสริญพระเจ้าได้ และถ่ายทอดมาเป็นพระธรรมสดุดี และเขาเป็นคนทำให้ "พระทัยพระเจ้าชื่นชอบ" ด้วย (กจ.13:22)

พระเจ้าทรงเลือกดาวิด ขณะที่ใครๆมองข้าม (1ซมอ.16:11-12) เพราะดาวิดเรียนรู้ที่จะวางใจพระเจ้า ให้พระเจ้าทรงเป็นทุกสิ่ง เป็นหนึ่งเดียวในชีวิตเขา (สดด.22:9-10) แม้ในขณะที่อะไรๆรอบกายไร้ความยุติธรรมสำหรับเขา เขาเฝ้าระวังความคิดตัวเองมากกว่าเอาแต่ระแวงคนรอบข้าง เพราะเขาเชื่อในความยุติธรรมของพระเจ้า พระองค์จะไม่ทอดทิ้งเขาแน่นอน (สดด.37) เขาไม่คิดเย่อะ คิดมาก เขาเชื่อ "แม้อะไรๆดูเหมือนจะไม่ดี แต่พระเจ้าทรงแสนดีเสมอ"

คนชอบคิดเย่อะและคิดมาก คือ คนที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของทั้งจักรวาล (สดด.73:1-16) เขาจะคิดแบบนี้!
- พวกเขาคิดยังไงเกี่ยวกับฉัน!
- ทำไมพวกเขาพูดกับฉันแบบนั้น!
- ทำไมไม่เป็นฉันที่มีสิทธิ์...!
- ทำไมไม่ใช่ฉันที่ควรจะถูกเลือก!
หรืออีกมากมายที่อะไรๆก็ "ฉันๆๆๆ...และก็ฉัน" พระเจ้าสร้างเราให้มี "กันและกัน" อย่าเห็นแก่ตัวให้ทุกคนต้องเข้าใจเราฝ่ายเดียว หรือยัดเยียดให้ใครๆเห็นอย่างเดียวกับเรา อย่าหลงคิดว่า 'ตัวเองไม่สำคัญ' จึงเอาแต่เรียกร้องความสำคัญ คนเราจะสำคัญอยู่กับ 'คุณค่า' ที่เราเป็น และการนับถือตัวเองคือการเห็นค่าของคนอื่นด้วย!

บางทีเราคิดมากจากบางเรื่องที่เขาพูด ... เราจริงจังทุกสิ่งจนลืมว่าบางอย่างในโลกนี้ก็เป็นการ 'ล้อเล่น' บ้างเพื่อความขัน เราไม่แยกแยะ ทั้งๆเขาที่พูดไม่คิดแบบนั้น เราไม่ชอบให้ใครๆด่วนตัดสินเราแต่เราก็ชอบไวในการตัดสินสิ่งที่พี่น้องพูดหรือกระทำ (ยก.1:19) แต่พระคำสั่งให้เรามีความรัก เป็นความรักที่ต้องเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่างได้ (1คร.13:4-7) เราทำลายมิตรภาพและเลือกจะทรมานตัวเองเพราะการคิดมากคิดเย่อะของตัวเอง จำไว้หากสิ่งใดไม่เป็นคุณแก่เราสิ่งนั้นไม่ใช่ "ความรัก" แต่เป็นความเห็นแก่ตัวของเราเอง เพราะความรักย่อมเสริมสร้างไม่ใช่ทำลาย (รม.13:10, อฟ.4:13-16)

พระเจ้าไม่ชอบให้คิดมาก แต่ชอบให้เราคิดดี
พระเจ้าไม่ปลื้มให้คิดเย่อะ แต่ปลื้มให้เราคิดรอบคอบ
เพราะความดีและน้ำพระทัยพระเจ้า คือ การเกิดผลดีที่ไม่ทำร้ายทั้งตัวเองและคนอื่นๆ (ยน.15:16) เพราะการคิดมากคิดเย่อะไม่มีผลดีเลยจริงๆ มันทำให้เราเป็นคนน่าเบื่อและยากจะเกิดผล ขอพระเจ้าช่วยเราที่เราจะรู้ว่า "เราทำทุกสิ่งได้ แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งนั้นเป็นประโยชน์ เราทำทุกสิ่งได้ แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งนั้นทำให้เจริญขึ้น อย่าให้ใครเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว แต่จงเห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่นๆ" (1คร.10:23-24)

เรามีสิทธิ์จะคิดอะไรก็ได้ แต่มันมีประโยชน์ต่อตัวเองและคนอื่นไหม?
เรามีสิทธิ์จะคิดอะไรก็ได้ แต่มันทำให้เจริญขึ้นไหม?
หากคำตอบคือ "ไม่" แสดงว่าพระเจ้าสั่งให้เรา "เลิกคิด" มันสะ! อาเมน

PS. เนตรศักดิ์ ใสรังกา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น